fbpx

การสูญเสียการได้ยินในเด็ก

ความปรารถนาเดียวของพ่อแม่ที่มีต่อลูก คือ “การเห็นลูกน้อยเติบโตอย่างแข็งแรง สดใสร่าเริง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ” แต่หารู้ไม่ บางครั้งภาพที่เราเห็นว่าสดใสร่าเริง แต่เขากลับไม่ได้ยินเสียงของเรา และปัญหานี้มักจะไม่แสดงอาการชัดเจนตั้งแต่แรกเกิด กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป

การสูญเสียการได้ยินในเด็ก (Hearing loss in children) คือปัญหาที่สำคัญควรได้รับการแก้ไขโดยเร็ว เนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อพัฒนาการด้านภาษา การพูด การเรียนรู้ และการเข้าสังคมของเด็ก ๆ หากตรวจพบเจอช้า อาจทำให้เด็กโตมาโดยมีปัญหาด้านการสื่อสารตลอดชีวิต

ทำไม “เสียง” จึงสำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก ?

เด็กเรียนรู้ภาษาผ่าน “การได้ยิน” หากไม่มีเสียงเข้าหู สมองก็จะไม่สามารถเรียนรู้การพูดหรือทำความเข้าใจภาษาได้ 

เด็กที่ไม่ได้ยินตั้งแต่แรกเกิด และไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง มักจะมีพัฒนาการด้านการพูดช้ากว่าเพื่อน ไม่สามารถตามบทเรียนในโรงเรียนได้ และอาจถูกมองว่าเป็นเด็กที่มีปัญหาด้านสติปัญญา ทั้งที่จริงปัญหาที่แท้จริงคือการได้ยิน

สาเหตุของการสูญเสียการได้ยินในเด็ก

  • กรรมพันธุ์ 
  • การติดเชื้อในครรภ์มารดา เช่น หัดเยอรมัน 
  • น้ำหนักตัวแรกเกิดต่ำ หรือคลอดก่อนกำหนด
  • การคลอดที่ผิดปกติ
  • หูอักเสบเรื้อรัง
  • การไม่ดูแลสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์ (เช่น การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์)
  • การได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง

ระดับความรุนแรงของการสูญเสียการได้ยิน

  • ระดับน้อย ได้ยินเสียงกระซิบลำบาก
  • ระดับปานกลาง ได้ยินเสียงพูดทั่วไปไม่ชัด
  • ระดับรุนแรง ได้ยินเฉพาะเสียงตะโกน
  • ระดับรุนแรงมาก แทบไม่ได้ยินอะไรเลย

สัญญาณเตือนเมื่อลูกอาจมีปัญหาด้านการได้ยิน

เด็กอายุ 0-6 เดือน

  • ไม่ตอบสนองเมื่อมีเสียงดัง
  • ไม่หันหน้าหาเสียงของพ่อแม่
  • ไม่ส่งเสียงอ้อแอ้ตามวัย

เด็กอายุ 6-12 เดือน

  • ไม่ตอบสนองเมื่อถูกเรียกชื่อ
  • ยังไม่เริ่มพูดคำว่า “แม่” หรือ “ป๊า”

เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป

  • พูดช้ากว่าเพื่อน
  • ออกเสียงผิดเพี้ยน
  • ชอบอยู่คนเดียว ไม่เข้าสังคม
  • เปิดทีวีเสียงดังมากผิดปกติ

หากพ่อแม่สังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ควรรีบนำลูกมาตรวจการได้ยินทันที

การตรวจคัดกรองการได้ยินในเด็ก

เด็กแรกเกิดทุกคนควรได้รับการตรวจตั้งแต่แรก

  • OAE (Otoacoustic Emissions): ตรวจดูการทำงานของเซลล์ขนในหูชั้นใน
  • AABR (Automated Auditory Brainstem Response): ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองที่ตอบสนองต่อเสียง

หากผลคัดกรองเบื้องต้นผิดปกติ แพทย์จะนัดตรวจเพิ่มเติมและประเมินซ้ำใน 1 เดือน

เด็กควรได้รับการวินิจฉัยให้ได้ภายใน 3 เดือน และเริ่มใช้เครื่องช่วยฟังหรืออุปกรณ์ช่วยการได้ยินก่อน 6 เดือน 

ทางเลือกในการรักษา 

  1. เครื่องช่วยฟัง (Hearing Aids)

เหมาะสำหรับเด็กที่สูญเสียการได้ยินระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเครื่องช่วยฟังจะทำหน้าที่ขยายเสียงรอบ ๆ ให้ดัง และชัดเจนขึ้น

  • ไม่ต้องผ่าตัด
  • ปรับเปลี่ยนตามการเจริญเติบโตของเด็กได้
  • มีแบบเฉพาะสำหรับเด็กเล็ก
  1. ประสาทหูเทียม (Cochlear Implant)

เหมาะสำหรับเด็กที่สูญเสียการได้ยินระดับรุนแรงถึงรุนแรงมาก และใช้เครื่องช่วยฟังแล้วไม่ได้ผล

ประสาทหูเทียมคืออะไร?

เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ฝังในหูชั้นใน พร้อมตัวรับเสียงภายนอก ทำหน้าที่แปลงเสียงเป็นสัญญาณไฟฟ้า แล้วส่งตรงสู่เส้นประสาทหู ด้วยวิธีนี้เด็กสามารถเรียนรู้การพูด การฟัง และพัฒนาได้ใกล้เคียงกับเด็กปกติ

การเลือกใช้ประสาทหูเทียม จะต้องประเมินโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

  1. การฝึกฟัง ฝึกพูด (Auditory-Verbal Therapy)

การได้ยินที่ดี ต้องควบคู่กับการ “ฝึกฟัง” และ “ฝึกพูด” โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสาร เพื่อให้สมองเรียนรู้การตีความเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การดูแลเด็กที่มีปัญหาการได้ยิน

  • รัก และเข้าใจลูก อย่าท้อแท้หรือรู้สึกผิด
  • กระตุ้นลูกเสมอ ใช้ทั้งเสียง สีหน้า ท่าทางในการสื่อสาร
  • ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ ไปพบแพทย์ตามนัด และฝึกกับนักแก้ไขการพูดสม่ำเสมอ
  • เลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม กับอายุและระดับการได้ยินของลูก
  • พาลูกเข้าสังคม อย่าให้เขารู้สึกว่าต่างจากเพื่อน


หากตรวจพบเร็ว และได้รับการรักษาดูแลอย่างเหมาะสม เด็กจะมีโอกาสพูด และเข้าใจภาษาใกล้เคียงเด็กปกติ

งานวิจัยจำนวนมากยืนยันว่า

เด็กที่ได้รับการวินิจฉัยภายใน 3 เดือน และเริ่มฟื้นฟูภายใน 6 เดือน มีโอกาสพูดได้ใกล้เคียงเด็กปกติสูงมาก

ดังนั้น อย่ารอให้ลูกพูดไม่ได้ก่อน แล้วค่อยเริ่มดูแล

รู้หรือไม่ โรงพยาบาลส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะทำการตรวจการได้ยินให้กับทารกแรกเกิดภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากคลอด หรือที่เราเรียกกันว่า การตรวจคัดกรองการได้ยินสำหรับทารกแรกเกิด นั่นเอง

Line Official : @hearlifeth

Facebook: https://www.m.me/hearlifethai

หรือโทร 02-693-9411

และสามารถอ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ บทความ

image by MED-EL

MAKE AN APPOINTMENT